top of page

History Of Lao coffee

Updated: Apr 3, 2019

จุดเริ่มต้นของกาแฟลาวสู่ตลาดโลก


ในช่วงต้นคริสตศักราช 1900 ณ เอเชียตะวันออกเฉียง พื้นที่อันเต็มไปด้วยธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ชาวฝรั่งเศส ได้นำเมล็ดพันธุ์กาแฟเข้ามาปลูก ประเทศลาวจึง กลายเป็นแหล่งปลูกกาแฟเพื่อส่งกลับไปขายในกลุ่มประเทศยุโรป โดยแหล่งปลูกกาแฟอยู่บริเวณตอนใต้ของประเทศ เป็นที่ราบสูงที่มีแหล่งน้ำธรรมชาติ และเป็นที่ตั้งของชนเผ่าพื้นเมืองที่มีชื่อเรียกว่า “บอละเวน” ทำให้พื้นที่ราบสูงแห่งนี้ ถูกบันทึกตามประวัติศาสตร์และมีชื่อเรียกว่า “The Bolaven Plateau” หรือ “ที่ราบสูงโบลาเวน


ที่ราบสูงโบลาเวน เป็นดินแดนภูเขาไฟเก่า มีระดับความสูง ความเหมาะสมด้านภูมิอากาศ และสภาพดิน ที่สามารถปลูกกาแฟได้ดีโดยใช้วิธีปลูกแบบเกษตรอินทรีย์ โดยชาวฝรั่งเศสได้นำกาแฟสายพันธุ์ต่างๆ มาทดลองปลูก เพื่อคัดเลือกสายพันธุ์ที่เหมาะสมที่สุด ทำให้ปัจจุบัน ยังคงมีกาแฟสายพันธุ์ดั้งเดิมบนที่ราบสูงแห่งนี้ ได้แก่ Arabica Typica, Arabica Bourbon, Excelsa, Liberica, Canephora


และด้วยที่ราบสูงโบลาเวน เป็นแหล่งปลูกกาแฟที่มีคุณภาพของโลก จึงได้รับการรับรองมาตรฐาน Geographical Indications (GI) หรือสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ซึ่งเป็นเครื่องหมายที่ใช้กับผลผลิตที่มาจากแหล่งปลูกที่เฉพาะเจาะจง และมีลักษณะพิเศษที่เป็นผลจากสภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์เท่านั้น จึงเป็นเครื่องยืนยันในคุณภาพของกาแฟจากที่ราบสูงโบลาเวน หรือ กาแฟลาวนั่นเอง


การปลูกกาแฟเริ่มอีกครั้ง เมื่อประมาณ ค.ศ.1999 โดยรัฐบาลของ สปป.ลาว ได้ริเริ่ม และสนับสนุนให้เกษตรกรปลูกกาแฟ เพื่อเป็นรายได้หลักอย่างหนึ่งของประเทศ และกลุ่มบริษัท ดาวเฮือง ผู้ก่อตั้งโดย ดร.ฮาว และ มาดามเหลื่อง ลิดดัง ได้สนองนโยบายนี้จากรัฐบาล เป็นผู้ปลูกกาแฟและช่วยผลักดันเกษตรกรให้มีมาตรฐานการปลูกกาแฟ โดยรวบรวมเกษตรกรตั้งเป็น Contact Farming ในช่วงแรกๆ มีเพียงไม่ถึง 500 ครอบครัวที่เข้าร่วม โดยสนับสนุนต้นพันธุ์กาแฟ ผลิตปุ๋ยหมักจากโรงงานที่ใช้กากกาแฟ มูลวัวควาย จ่ายแจกให้แก่ Contact Farmer รวมถึงช่วยเหลือในด้านความเป็นอยู่ระหว่างที่เกษตรกรยังไม่มีรายได้จากการขายผลผลิต ปัจจุบันมีจำนวนเกษตรกรเข้าร่วมโครงการกว่า 3,000 ครอบครัว

ทำให้สามารถส่งออกไปยัง ทวีปยุโรป อเมริกา และเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้บริโภคกาแฟเป็นอันดับต้นๆ ของโลก


ด้วยเหตุนี้ กลุ่มบริษัท ดาวเฮือง จึงตัดสินใจสร้างโรงงงานขนาดใหญ่ที่มีมาตรฐานสากล “โรงงานดาวคอฟฟี่” วางระบบขั้นตอนการแปรรูปกาแฟดิบ ตั้งแต่กระบวนการล้าง (Washed Process) และใช้เครื่องวัดควบคุมปริมาณความชื้นในสารกาแฟ คัดมาตรฐานขนาดของเมล็ด แบบเดียวกันกับที่ใช้ในประเทศที่ส่งออกกาแฟรายใหญ่ของโลก และเครื่องวัดความหนาแน่น (Density) เพื่อคัดกรองคุณภาพของสารกาแฟ (Green Beans) ปัจจุบัน ประเทศ สปป.ลาว สามารถส่งออกกาแฟได้ปีละประมาณ 3-4 หมื่นตัน


2,104 views
bottom of page